สตูล | “นอภ.ควนกาหลง”ยกระดับคุมเข้มคนเข้า-ออกระหว่างจังหวัด
นอภ.ควนกาหลง ยกระดับคุมเข้มคนเข้า-ออกระหว่างจว.มากขึ้น โดยผ่อนปรนผู้สูงอายุ คนป่วย เข้าออกได้ทันที
วันนี้ 6 พ.ค.63 ที่ด่านตรวจโรคโควิด-19 ต.ทุ่งนุ้ย อ.ควนกาหลง จ.สตูล ปริมาณรถวันนี้ไม่หนาแน่นเหมือน 3-4 วันที่ผ่านมา เนื่องจากหลายจังหวัดมีมาตรการในการปล่อยรถกลับต่างจังหวัด ที่เข้มงวดขึ้น ประกอบกับจังหวัดสตูลก็เข้มงวดในการเดินทางเข้า-ออก
โดยกลุ่มคนที่เดินทางกลับมาจากจังหวัดเสี่ยง อย่างภูเก็ต จะต้องแสดงตัวเพื่อกักตัวยังจุดในท้องถิ่นซึ่งหลายคนก็ยินดีที่จะปฏิบัติตัวตามระเบียบของแต่ละจังหวัด
ด้าน นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เน้นย้ำให้ทุกคนเคร่งครัดในการปฏิบัติตัวเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกจากบ้าน หมั่นล้างมือ และไม่มีเหตุจำเป็นไม่ออกจากบ้าน แม้จะมีการผ่อนคลายล็อกบางส่วนแล้วก็ตาม
นายสิทธิ์ชัย เทพภูษา นายอำเภอควนกาหลง กล่าวว่า สำหรับน้อง ๆ ที่มาจากภูเก็ต เราเตรียมสถานที่ไว้ในระดับหมู่บ้าน เมื่อคนเต็มจากในหมู่บ้านจะพามากักตัวโรคอนของ อบต. และเมื่อคนเต็มเราก็การจัดไว้ที่บ้านพักของนายอำเภออีก 2 หลัง
โดยบ้านพักรับรองนั้น เราจะให้กักตัวเฉพาะผู้หญิง เพราะมีความสะดวกในเรื่องของห้องน้ำ เป็นมาตรฐานเพราะผู้หญิงจะช่วยกันดูแลความสะอาด
สำหรับสถานที่กักตัวที่เป็นข่าวนั้น เราได้พาคนที่แจ้งไปพักในพื้นที่ของอำเภอแล้ว ส่วนสถานที่นั้น จะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้นอีกครั้ง
ทั้งนี้ ขอฝากไปยังผู้กักตัว ไม่ว่าจะมาจากจังหวัดเสี่ยง หรือแรงงานไทยในต่างแดน ที่มากักตัวในจังหวัดสตูล หากไม่พอใจการทำงานเจ้าหน้าที่ รู้สึกอึดอัด สถานที่ไม่สบายให้แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ที่ดูแลสถานที่กักตัว ดีกว่าไปโพตส์บนโลกโซเชียล เพราะบางคำที่พิมพ์ลงไปหากเป็นข้อมูลเท็จ หน่วยงานรัฐคนจะมองไม่ดี และผู้โพตส์ก็จะผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงอยากให้พูดคุยกันโดยตรงดีกว่า
นายอำเภอควนกาหลง ย้ำอีกว่า สำหรับพื้นที่อำเภอควนกาหลงมีสถานที่กักตัว 29 จุด รองรับคนได้ 500 คน ส่วนน้อยจะเป็นคนที่มาต่างถิ่น ซึ่งก่อนหน้านี้ มีการกักตัวได้ปล่อยกลับบ้านแล้วที่ไม่พบโควิด – 19 จำนวน 1,200 กว่าคน และยอดล่าสุดที่มาจากภูเก็ต และประเทศมาเลเซียที่มากักตัว 190 คน โดยกักตัวที่โรคอน และโฮม
สำหรับกรณีที่บุคคลที่เดินทางนั้นพระราชกำหนดมาตราฉุกเฉิน มาตรา 9 ฉบับที่ 5 เขียนไว้ว่า ให้ประชาชนชะลอการเดินทาง ให้ประชาชนงดการเดินทาง ซึ่งด่านทุ่งนุ้ย เรามิใช้ด่านคัดกรอง แต่เป็นด่านชะลอคนการเดินทาง จึงขอความร่วมมือให้ทุกคนหากไม่จำเป็นไม่ควรเดินทาง ส่วนคนที่เข้ามาในพื้นที่จังหวัดเสี่ยงต้องรายงานตัวและกักตัว 14 วัน ตามมาตรฐานสาธารณสุขกำหนดไว้
โดยมีการประชุมทีมงานที่ปฏิบัติบนท้องถนน โดยรับสนองนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล โดยแจ้งให้ประชาชนรับทราบว่า ด่านนี้มิใช่ด่าน คัดกรองแต่เป็นด่านตามมาตรา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่จะลงคำสั่งให้ประชาชนงดการเดินทาง และชะลอการเดินทางตามคำสั่ง ต้องปฏิบัติตามนี้
พร้อมกับการประชุมให้ทีมชุดสาธารณสุข ที่ทำการคัดกรองในเต้นท์เบาบางในการทำงาน เพราะการทำงานตลอดทั้งวัน ต้องปรับเวร นอกจากนี้เพิ่มบุคลากรในการอนุญาตอีกมา 3 คน เพื่อความระเอียดป้องกันโรคมากขึ้น
นายอำเภอเมืองสตูลย้ำอีกว่า ให้ทหาร ตำรวจ ชรบ. อส. สาธารณสุข ดูแลนั้น ให้ดูคนป่วยที่มารอที่ด่านฯ หรือผู้สูงอายุ ไม่จำเป็นต้องดูหลักฐาน ให้ดูดุจพินิจผ่านได้เลย เพราะเกรงว่าหากมีคนไม่สบายจะเกิดการเสียชีวิตได้ โดยยังคงปฏิบัติการเหมือนเดิมเพียงยกเว้น คนป่วย ผู้สูงอายุ เข้าผ่านได้เลย
นอกจากนี้ยังแบ่งเป็น 3 ส่วน บุคคลที่ทำงานตามข้อยกเว้น 9 ประเภท และส่วนที่ 2 จะเป็นข้าราชการและยังพบว่ามีข้าราชการฝ่าฝืนคำสั่งผวจ.สตูลไปกลับ ส่วนที่ 3 เป็นชาวบ้าน เช่น ต้องไปหาหมอตามหมายนัดแพทย์ และไปรับลูกที่สนามบินเปิด เดิมที่คนจะเดินทางเข้าออก 3,000 กว่าคน ตอนนี้เหลือ 1,000 กว่าคน (เฉลี่ย)
อุดมลักษณ์ แสงบัว/สตูล