“รมว.พิพัฒน์”ลงพื้นที่พัทลุง ลุยพัฒนาสำนักวัดเขาอ้อ สู่ที่เที่ยว-ศูนย์กลางอนุรักษ์สมุนไพร
31 ตุลาคม 2562 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานเปิดการประชุมหารือเรื่อง กำหนดยุทธศาสตร์ สำนักวัดเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศูนย์กลางการศึกษาเชิงอนุรักษ์ว่านและพืชสมุนไพรในพื้นที่ภาคใต้ โดยมีนายคณนาถ หมื่นหนู โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คณะผู้บริหารฯ นายฉลอง เทอดวีระพงษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง เขต 2 พรรคภูมิใจไทย นางสาวศรอนงค์ สงสมพันธ์ นายอำเภอควนขนุน นายสุกษม อามระดิษ เลขานุการสมาคมแพทย์แผนไทยแห่งประเทศไทย นายเอกระพีร์ สุขกุลพิพัฒน์ รองประธานชมรมอนุรักษ์ว่านและพืชสมุนไพรวัดเขาอ้อ นายอนันต์ มณีประสิทธิ์ กำนันตำบลมะกอกเหนือและประธานกรรมการวัดเขาอ้อ ให้การต้อนรับ นำชม และรายงานความคืบหน้าของโครงการ ณ วัดเขาอ้อ ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง
โดยที่ประชุมได้จัดทำข้อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดังนี้
1.โครงการมหกรรมการท่องเที่ยวเมืองสมุนไพรไสยเวทย์ 910 ปี สำนักเขาอ้อ ส่งเสริมสนับสนุนจุดเด่นวัดเขาอ้อ ด้านอนุรักษ์พืชสมุนไพร การใช้สมุนไพรเพื่อไสยเวช เพิ่มช่องทางการเพิ่มมูลค่าสมุนไพร รวมถึงเรื่องเล่าตำนานความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นจุดขายวัดเขาอ้อ ที่มีคุณค่า และสร้างกระแสนิยมให้กับนักท่องเที่ยว
2.โครงการพัฒนาโครงสร้างสำคัญบริเวณวัดเขาอ้อ สนับสนุนการพัฒนาปรับภูมิทัศน์ โครงสร้างสำคัญบริเวณวัดเขาอ้อ ตามความเรียกร้องของนักท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวก มองเห็นภูมิทัศน์ที่ชัดเจน เช่น โครงการก่อสร้างบันไดคอนกรีตขึ้นจุดชมวิวยอดเขาอ้อ โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณรอบวัดเขาอ้อ โครงการก่อสร้างอาคารบริการนักท่องเที่ยว จำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนและบริการสมุนไพรเพื่อสุขภาพ พร้อมอุปกรณ์แปรรูปสมุนไพร โครงการคลินิกแพทย์แผนไทยวัดเขาอ้อ โครงการศูนย์เรียนรู้แปลงสมุนไพรพร้อมดูแล
และ 3.โครงการพัทลุงเมืองสมุนไพร ส่งเสริมจังหวัดพัทลุงและวัดเขาอ้อให้มีจุดเด่นในการอนุรักษ์พืชสมุนไพร และการใช้สมุนไพรเพื่อบำบัดรักษา
รมว.พิพัฒน์ กล่าวว่า วันนี้มาลงพื้นที่ ณ วัดเขาอ้อ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อประชุมหารือการส่งเสริมมหกรรมการท่องเที่ยวเมืองสมุนไพรไสยเวทย์ 910 ปี สำนักเขาอ้อ ซึ่งเป็นจุดเด่นของวัด อาทิ ด้านการอนุรักษ์พืชสมุนไพร การใช้สมุนไพร นับเป็นการเพิ่มช่องทางการเพิ่มมูลค่าสมุนไพร รวมถึงสามารถเล่าขานตำนานความศักดิ์สิทธิ์ของวัดให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้รับทราบ
ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะประสานความร่วมมือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตร เพื่อบูรณาการการทำงานร่วมกันต่อไป